ALL IN DERM
All in Derm
All in Derm คือ การผลักวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ซึ่งจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวในระดับเซลล์และระดับอนุภาพ พร้อมช่วยบำรุงผิวทั่วใบหน้าได้เป็นอย่างดี โดยมี GSH+PDRN+HA+ePeptide 5 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ อีกทั้งยังมีสารสังเคราะห์อีก 67 ชนิด ที่จะช่วยในการกระตุ้นเซลล์เพื่อเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งนวัตกรรมนี้มีประโยชน์ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส เปล่งประกาย ผิวหน้าฉ่ำวาว ลดเลือนริ้วรอย ช่วยเรื่องหลุมสิว รักษาปัญหาสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และสิ่งที่สำคัญช่วยในเรื่องของการลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตาได้ดีมาก เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่าง ๆ และรักษาสิวผดสิวผื่น ลดการเกิดสิวในระยะยาว พร้อมคืนผิวให้ดูสุขภาพดีและกลับมาอ่อนเยาว์ได้อย่างปลอดภัย
all in derm ดีไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ
- ฟื้นฟูรอยแผลเป็น หลุมสิว รอยดำรอยแดงจากสิว ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมผิวทำให้รอยแผลหายไวขึ้น
- ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและสุขภาพดีมากขึ้น
- ช่วยลดสิวผดและสิวอักเสบได้
- ช่วยทำให้ผิวที่คล้ำเสียลดลง และทำให้ผิวดูกระจ่างใสมีออร่ามากขึ้นกว่าเดิม
- หลังทำเห็นผลไวและเห็นผลลัพธ์นาน
- กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้กลับมาเหมือนผิวเด็ก
- ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ
- ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ ผิวแห้งกร้าน หยาบกระด้าง หมองคล้ำ ช่วยควบคุมเมลานิน ปรับโทนสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
- ฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง รูขุมขนดูกระชับ
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิว
- ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
การรักษาด้วย All in derm จะเป็นการฉีดวิตามินทั่วใบหน้า ซึ่งจะสามารถฉีดได้ตามจุดฝังเข็ม 16 จุดเพื่อปรับสมดุลผิว รวมถึงสามารถฉีดในบริเวณที่ผิวมีปัญหา เช่น รอยดำจากสิว รูขุมขนกว้าง หรือบริเวณใต้ตาที่หมองคล้ำ ซึ่งหากฉีดเข้าไปก็จะช่วยทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น รูขุมขนเล็กลง หน้าดูเรียบเนียนขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลาในการฉีดทั่วหน้า ประมาณ 20 นาที
วิธีการดูแลตัวเองหลังทำการรักษาด้วย All-in-derm
หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น การดูแลตัวเองหลังรับการรักษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก โดยผู้ที่รับการรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- หลังการรักษาให้ดื่มน้ำให้มาก ๆ ประมาณ 1-2 ลิตร/วัน เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ และเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากในช่วงของการนอนหลับ ร่างกายจะได้รับการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ดี รวมถึงช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการตากแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องออกมากลางแจ้ง
- หลังทำควรหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น อาบน้ำอุ่น เข้าซาวน่า การใช้ไดร์เป่าผม และออกกำลังกาย
- หลังการรักษาให้งดการแต่งหน้า อย่างน้อย 1 วัน แต่สามารถใช้ชีวิตอย่างอื่นได้ตามปกติ
- ไม่ควรนวดผิวหน้าทันทีหลังทำ ซึ่งตัวยาจะแพร่กระจายได้เอง
- พยายามอย่าลูบหรือใช้มือสัมผัสบริเวณที่ฉีด ประมาณ 1-2 คืนแรกหลังทำ เพราะจะทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคจากมือของเราได้
- งดการทาครีมบริเวณที่ฉีด 1 คืน เพื่อป้องกันการอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากในครีมอาจจะมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้
- ลดการสูบบุหรี่ เพราะเป็นต้นเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำเร็ว และมีริ้วรอยมากขึ้นได้เช่นกัน
- หลีกเลี่ยงหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เป็นตัวดูดซับความชื้นจากผิว ทำให้ผิวแห้งกร้าน
- อาจมีอาการฟกช้ำ บวม แดงจากรอยเข็ม หรือช้ำเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะยุบหรือหายไปเอง ประมาณ 2-3 วัน
- หากมีอาการอื่น ๆ ที่รุนแรงกว่านี้ เช่น เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นตุ่มหนอง ควรรีบกลับไปพบแพทย์ผู้ทำการรักษาโดยด่วน
ข้อความ